top of page

ยารักษาผมร่วง ยาปลูกผม คืออะไร

  • รูปภาพนักเขียน: Trairat Liewsirianan
    Trairat Liewsirianan
  • 6 ก.ย. 2567
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 16 ก.ย. 2567


ยารักษาผมร่วงในปัจจุบันที่นิยมใช้ และได้รับการรับรองแล้วมี 3 ตัว ดังนี้


1. ยาไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride)
ยาไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) เป็นยากินแก้ผมร่วง ยาแก้ผมบาง ที่นิยมใช้กันมายาวนานกว่า 10 ปี ใช้รับประทานวันละครั้ง ครั้งละ 1 – 1.25 มิลลิกรัม มีจำหน่ายทั่วไปโดยใช้ชื่อ 2 ชื่อ คือ 
1.1 โพรพีเชีย (Propecia) ขนาด 1 มิลลิกรัม 
1.2 โปรสการ์ (Proscar) ขนาด 5 มิลลิกรัม (ให้แบ่งรับประทานวันละหนึ่งส่วนสี่เม็ด)
ยาไฟแนสเตอรายด์ เป็นยาแก้ผมร่วงผู้ชาย ใช้ได้ในเฉพาะผู้ชายเท่านั้น เพราะยาตัวนี้จะทำงานโดยการลดอัตราการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้เป็น DHT ที่เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ถ้าใช้ในผู้หญิงนอกจากจะไม่เห็นผลแล้ว ยังมีผลข้างเคียงมาก ถ้าใช้ในหญิงตั้งครรภ์ก็จะทำให้ทารกพิการด้วย ยารักษาผมร่วงดังกล่าว จะไปลดปริมาณ DHT ได้มากถึง 60% ทำให้ผมงอกใหม่ได้ดีขึ้น ผมหยุดร่วง ผู้ใช้ยาจะเริ่มเห็นผลหลังใช้ยาประมาณ 4 – 6 เดือน และจะเห็นผลชัดเจนหลังจากใช้ยา 1 ปีขึ้นไป

ยาไฟแนสเตอรายด์ เป็นยาแก้ผมร่วงที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองให้ใช้เป็นยารักษาผมร่วงอย่างถูกต้อง ยาตัวนี้จะใช้รักษาได้ดีที่สุดในผู้ที่ผมบางระยะเริ่มต้น และระดับปานกลาง นอกจากนี้ยังใช้ได้ดีกับผู้ที่ปลูกผมถาวรมาก่อน ที่จะใช้ยาหลังปลูกผมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผมเยอะ และหนาในระยะยาว ทั้งนี้ ยาไฟแนสเตอรายด์ก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน คืออาจจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ปริมาณน้ำอสุจิลดลง ถ้าหากหยุดยาจะกลับเป็นปกติ หรือถ้าใช้ยาไปสักระยะหนึ่ง เมื่อร่างกายปรับตัวได้ จะไม่เกิดผลข้างเคียงนี้ขึ้นอีก

2. ยาไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil)
ยาไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) เป็นยาที่นิยมใช้เพื่อรักษาการผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ยาจะทำงานโดยการขยายหลอดเลือด ให้เลือดไปเลี้ยงรากผมมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม และทำให้เส้นผมมีอายุขัยนานขึ้น เป็นยาแก้ผมบางแบบหนึ่งที่ใช้กันมาอย่างยาวนานถึง 15 ปี ใช้ได้ทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง บางคนอาจเรียกว่าเป็นยาแก้ผมร่วงสําหรับผู้หญิง เพราะเป็นยาตัวเดียวที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง และใช้เป็นยาแก้ผมร่วงในผู้หญิงได้ 
ยาไมนอกซิดิวล์มีรูปแบบต่างๆให้เลือกใช้ดังนี้
2.1 ยาไมนอกซิดิวล์ แบบยาเม็ด ให้ทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 5 มิลลิกรัม
2.2 ยาไมนอกซิดิวล์ แบบยาทา หรือเรียกว่าแบบโลชั่นก็ได้ ใช้ทาบริเวณที่ผมร่วง ผมบางวันละ 2 ครั้ง ซึ่งยาทานี้มี 2 แบบ แบ่งตามความเข้มข้นของตัวยา คือ 2% Minoxidil และ 5% Minoxidil 
ซึ่งยาแก้ผมร่วงทั้งสองแบบนี้ ใครควรเลือกใช้แบบไหน อยู่ที่ว่าใช้แบบไหนแล้วได้ผลดีกว่า มีผลข้างเคียงหรือไม่
สำหรับยาไมนอกซิดิวล์ แบบเม็ด ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ เกิดอาการบวมที่ใบหน้า แขน ขา เวียนหัว หรือหัวใจเต้นเร็ว นอกจากนี้ยังอาจทำให้ขนขึ้นที่ใบหู หรือทำให้ผมร่วงในช่วงแรกที่ใช้ยาได้ อาการเหล่านี้อาจเกิดแยก หรือเกิดร่วมกันก็ได้

ส่วนยาแก้ผมร่วงแบบทา ผลข้างเคียงคืออาจจะทำให้หนังศีรษะแห้งจากแอลกอฮอล์ที่ผสมอยูในยาทา ผลข้างเคียงโดยรวมจะน้อยกว่าแบบเม็ด เนื่องจากตัวยาถูกดูดซึมเข้าร่างกายน้อยกว่า ทำให้ยามีผลเฉพาะที่เท่านั้น และในผู้ชายสามารถใช้ได้แบบ5% Minoxidil 1ซี​ซี​ทาวันละ2ครั้ง

ส่วนในผู้หญิง ทั้ง 2% Minoxidil และ 5% Minoxidil ให้ผลแทบไม่ต่างกันเลย แต่ 5% Minoxidil อาจทำให้มีขนขึ้นที่ใบหน้าได้ แพทย์จึงมักแนะนำให้ใช้ตัว 2% มากกว่า

ยาไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) และยาไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ที่กล่าวถึงไป เป็นยาแก้ผมร่วงที่จะต้องใช้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะเห็นผล และถ้าหยุดใช้ ผมก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมเส้นเล็ก ไม่ค่อยงอก ขาดร่วงง่าย ผู้ที่ต้องการแก้ผมร่วงบางคนอาจจะใช้ยาไม่ได้ผล บางคนก็ได้ผลดีเมื่อใช้ยาทั้งสองตัวด้วยกันก็มี

3. ดูทาสเตอรไรด์ (Dutasteride)
ดูทาสเตอรไรด์ (Dutasteride) เป็นยาที่เพิ่งมีได้ไม่นานนัก มีการทดลองใช้กันบ้างแล้ว ยาจะทำงานคล้ายกับยาไฟแนสเตอรายด์ คือจะลด DHT ที่เป็นฮอร์โมนต้นเหตุของอาการผมร่วงลง แต่ยาตัวนี้มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะลด DHT ลงได้ถึง 90% 
ปัจจุบัน ในยุโรปอนุญาตให้ใช้ยาตัวนี้รักษาผมบางได้แล้ว แต่ในอเมริกา และในไทยยังไม่อนุญาต ผู้ที่เลือกใช้ยาตัวนี้ส่วนใหญ่จะซื้อยามารับประทานเอง โดยให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 0.5 มิลลิกรัม

Comments


bottom of page